Quantcast
Viewing latest article 4
Browse Latest Browse All 61

หมอศัลยกรรม

หมอศัลยกรรม กว่าจะมาเป็น ศัลยแพทย์
กว่า จะมาเป็นนักศึกษาแพทย์ ต้องสอบเอนทรานท์ ที่ว่ายากแล้ว การเรียนเพื่อที่จะจบออกมาเป็นแพทย์ ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งหมด หกปี…ครับ หกปี นานมาก ต้องผ่านการเรียนที่ทรหด เช้ายันเย็น ทั้งในห้องบรรยาย และห้องปฏิบัติการ ต้องศึกษาจากอาจารย์ใหญ่ ( ผู้ที่บริจาคร่างกาย ) ศึกษาจากหอผู้ป่วยจริง อ่านตำราทั้งที่เป็นภาษาไทย และต่างประเทศมากมาย ผิดกับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน ทำให้รู้สึกว่าชีวิตของคนที่เป็นแพทย์ โตมาจากเด็ก เป็นนักเรียน แล้วก็กลายเป็นผู้ใหญ่เลย
หลังจากการเรียน อย่างทรหด หกปี ก็จบออกมาเป็นแพทย์อย่างภาคภูมิใจ และแล้วแพทย์จบใหม่ทุกคนก็จะต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกัน คือการใช้ทุน ( ตามสัญญาที่ทำไว้ก่อนเข้าเรียน ) เป็นเวลา สามปี ที่สำคัญคือ ไปใช้ทุนที่ไหน……ขึ้นกับผลบุญที่เคยทำมา ??? สงสัยใช่ไหม ไม่น่าเชื่อคือ การจับฉลาก สำหรับผู้เขียน คงทำบุญมาพอๆ กับการทำบาป คือ โชคดีที่ได้กลับไปใช้ทุนที่บ้านเกิด แต่ โชคร้ายคือ เป็นอำเภอที่ไกลที่สุดติดชายแดนเลย หมอศัลยกรรม
อย่าเพิ่งท้อ นี่ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย มาเริ่มกันต่อ ชีวิตตอนใช้ทุนนี่เป็นชีวิตที่มีสีสันจริงๆ แล้วจะเล่าให้ฟังอีกที
เหมือน เป็นกระแสสังคม ว่าเป็นแพทย์ต้องเป็นแพทย์เฉพาะทาง ไปที่ไหนก็ตามเมื่อมีคนถามว่า ทำอาชีพอะไร ถ้าตอบว่าเป็นแพทย์ จะต้องถามต่อว่า เป็นแพทย์ทางด้านไหน ผู้เขียนจึงต้องดันทุรังตัวเองมาเรียนต่อ หมอศัลยกรรม.

Image may be NSFW.
Clik here to view.
หมอศัลยกรรม


หมอศัลยกรรม  การเรียนเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งตามหลักสูตรของแพทยสภาในปัจจุบัน ต้องใช้เวลาเรียนอีก หกปี….ไม่ผิดหรอกครับ หกปี ต้องผ่านการเรียนเพื่อเป็น ศัลยแพทย์ทั่วไป สี่ปี แล้วต่อยอดเป็น ศัลยแพทย์ตกแต่งอีก สองปี ยังไม่จบเท่านี้ยังต้องฝ่าด้านที่หินที่สุด คือการสอบเพื่อให้ได้วุฒิบัตรของแพทยสภา แพทย์หลายท่านอาจต้องผ่านหลายรอบจนกว่าจะผ่าน แต่ก็จบออกมาได้ นี่ยังไม่นับรวมการเรียนต่อสาขาย่อยอีก ซึ่งส่วนใหญ่ต้องไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ ถึงตรงนี้อาจทำให้คนภายนอกมองเห็นที่มา และอาจเข้าใจศัลยแพทย์มากขึ้น
แล้วแพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง ทำอะไรได้บ้าง ?
จะเข้าใจได้ง่ายขึ้น ถ้าแบ่งร่างกายออกเป็นส่วนๆ
1. บริเวณ ศีรษะและคอ ถือว่าเป็นบริเวณที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นบริเวณที่ต้องเปิดเผย โรคที่ต้องการการผ่าตัดในบริวณนี้ จะต้องเกี่ยวข้องกับแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเสมอ ยกเว้น สมอง ลูกตา ฟัน ช่องหู ช่องทางเดินหายใจ หรือช่องทางเดินอาหาร อาจยังมองภาพลำบาก ยกตัวอย่าง ได้แก่ ความพิการแต่กำเนิดบริเวณใบหน้า และกระโหลกศีรษะ เช่น ปากแหว่ง เพดานโห่ว เนื้องอกบริเวณใบหน้าและช่องปาก การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและกระดูกใบหน้า เช่น กระดูกใบหน้าหัก
2. บริเวณ มือ การผ่าตัดบริเวณนี้ต้องใช้ความละเอียดอ่อน เพื่อคงรูปร่าง และการทำงานให้อยู่ในสภาพเดิมมากที่สุด
3. บริเวณ อวัยวะเพศ โดยเฉพาะเพศชาย ได้แก่ การสร้างอวัยวะใหม่ การต่ออวัยวะ หรือการเปลี่ยนเพศ
4. การรักษาผู้ป่วยไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
5. การรักษาแผลเรื้อรัง
6. การรักษาแผลเป็น ชนิดต่างๆ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ บางครั้งมากมายจักทำให้อวัยวะต่างๆผิดรูป
7. การผ่าตัด เพื่อเสริมสร้างอวัยวะต่างๆ ทั้งการผ่าตัดแบบธรรมดา หรือ แบบจุลศัลยกรรม ( การผ่าตัดต่อเส้นเลือดขนาดเล็กโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ )
8. และสุดท้าย ที่ทุกๆคนรู้จักดี คือ การผ่าตัดเสริมความงาม หมอศัลยกรรม.


Viewing latest article 4
Browse Latest Browse All 61

Trending Articles